เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๘ ธ.ค. ๒๕๕๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ตั้งใจฟังธรรม ตั้งใจฟังธรรมเพื่อให้หัวใจเราฉลาด หัวใจฉลาดนะ ถ้าสมองฉลาด สมองนี้มันเป็นส่วนที่ควบคุมประสาท เราว่าสมองนี้เป็นผู้ที่คิด สมองเป็นผู้ที่ทำ แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า สังขารคือความคิด ความปรุง ความแต่ง ความคิด ความปรุง ความแต่งเป็นสังขาร สังขารนี้เกิดขึ้น ดูสิ เวลาคนสมองเป็นอัลไซเมอร์ สมองตาย เขายังมีชีวิตของเขาอยู่นะ แต่เขาคิดไม่ได้ เขาคิดไม่ได้เพราะศูนย์คุมประสาทนั้น

ฉะนั้น เวลาฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อหัวใจดวงนี้ ให้หัวใจดวงนี้มันฉลาดไง ถ้ามันฉลาดขึ้นมา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกมนุษย์เป็นสัตว์สังคม มนุษย์เป็นสัตว์สังคมนะ มนุษย์โง่กว่าสัตว์ โง่กว่าสัตว์เพราะสัตว์มันมีอิสระภาพของมัน แต่สัตว์มันโดนมนุษย์ล่า สัตว์มันกลัวมนุษย์ เพราะมนุษย์ล่าเอาสัตว์เป็นอาหาร แต่มันมีอิสระของมัน ถ้ามันอยู่ในป่าของมันนะ มันมีอิสระของมัน

แต่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม มนุษย์ต้องมีกฎหมาย กฎหมายรอนสิทธิ์ของมนุษย์ไง ถ้ากฎหมายรอนสิทธิ์ มนุษย์เราต้องมีกฎหมาย กฎหมายเพื่อให้สังคมร่มเย็นเป็นสุขไง กฎหมายจะเขียนอย่างไรก็แล้วแต่ เขียนเพื่อความสงบร่มเย็นของสังคมนั้น มนุษย์เป็นสัตว์สังคม สังคมพอร่มเย็นเป็นสุข สังคมพออยู่กันได้ไง

แต่กฎหมายเขียนให้ประชาชนเป็นคนดีไม่ได้ กฎหมายเขียนให้คนสามัคคีกันไม่ได้ กฎหมายเขียนให้คนรักกันไม่ได้ เห็นไหม ศีลธรรมเท่านั้น ศีลธรรมเท่านั้น ถ้าศีลธรรมเท่านั้นนะ คนมีน้ำใจต่อกัน เวลาจะมีน้ำใจต่อกันต้องมีศีลมีธรรม ถ้ามีศีลมีธรรม จิตใจเป็นคนดี คนดีคนงามไม่เจ้าเล่ห์แสนงอน ไม่มีเล่ห์มีเหลี่ยมไง

ถ้ามีเล่ห์มีเหลี่ยม เวลาทางโลกเขาหน้าไหว้หลังหลอก ถ้าหน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าดิบดีนัก เวลาเบื้องหลังแทงกันๆ ทำลายกัน นั่นน่ะ เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้แต่ศีล ๕ เวลาศีล ๕ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำเพ้อเจ้อ ไม่พูดคำไม่เป็นจริง ไม่พูดสิ่งนั้น ศีล ๕ ศีล ๕ ไง ถ้ามีศีล มีศีลมีธรรมขึ้นมา กฎหมายก็คือกฎหมาย กฎหมายเขียนมาเพื่อมาบังคับใช้กับสังคมไง บังคับไว้ไม่ให้ทำผิดกฎหมาย ถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ทำผิดกฎหมาย แต่เป็นความคิด ความคิดนี้ควบคุมไม่ได้ มโนกรรมๆ

มโนกรรม เวลาพระเราถ้าทำอาบัติ เวลาทำอาบัติด้วยการกระทำ ด้วยการกระทำถึงเป็นอาบัติ แต่พระก็คิด แต่คิดแล้วไม่ได้ทำ ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่เป็นอาบัติ คำว่า “เป็นอาบัติๆ” คำว่า “อาบัติ” คือทำไปแล้วสิ่งนั้นเป็นสิ่งชั่วร้าย สิ่งนั้นเป็นสิ่งไม่ดีทั้งนั้นน่ะ ต้องปลงอาบัติๆ ปลงอาบัติเพราะอะไร เพราะว่าสารภาพ พอสารภาพ ข้าพเจ้าทำไม่ดี ข้าพเจ้าขาดสติ ข้าพเจ้าทำไปแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งนั้นอีกๆ นั่นปลงอาบัติ

ปลงอาบัติคือปลงอาบัติเพื่อจะให้เราเริ่มต้นใหม่ เริ่มต้นทำใหม่ ไม่ให้มันเกิดนิวรณธรรม ไม่ให้สิ่งนั้นมารบกวนจิตใจของเรา สิ่งที่รบกวนจิตใจของเราก็สิ่งที่เราทำแล้ว เห็นไหม ความลับไม่มีในโลก เราเป็นคนทำเอง เราเป็นคนทำเอง ไม่หน้าไหว้หลังหลอกไง มันต้องมีความสัตย์ ถ้ามีความสัตย์ขึ้นมา ครูบาอาจารย์เรามีความสัตย์ขึ้นมา เข้าพรรษา เวลาเข้าพรรษาขึ้นมา อธิษฐานพรรษา เวลาอธิษฐานพรรษา ตั้งสัจจะสิ่งใดแล้วจะทำให้ตลอดพรรษานี้ ถ้าตลอดพรรษานี้ มีสัจจะ ถ้าตั้งสัจจะแล้วต้องทำสิ่งนั้นให้ได้ ทำสิ่งนั้นให้ได้ไง คือวันนี้จะนั่งตลอดรุ่ง นั่งตลอดรุ่ง พอนั่งไปแล้วอย่างไรก็ไม่ลุกๆ เราก็ตั้งใจกัน เราก็อยากจะทำกัน แต่เราทำไม่ได้

ทำไมต้องคำว่า “นั่งตลอดรุ่ง นั่งตลอดรุ่ง” นั่งตลอดรุ่งขึ้นมามันต้องมีสัตย์ของมัน แล้วเวลามีสัตย์ขึ้นมา มันทำไปแล้ว การนั่งที่นานขึ้นไปมันต้องเกิดอาการ เกิดเวทนา เกิดอาการอึดอัดทั้งนั้นน่ะ ทีนี้มันก็ต่อรองๆ เรายังมีความสัตย์ไหม ถ้าคนมีสัจจะ คนมีสัจจะทำสิ่งใดแล้วมีสัจจะ เราตั้งเป้าหมายแล้วเราทำสิ่งนั้นให้ได้ แต่เวลาทำไปแล้วมันจะมีอุปสรรคมหาศาล มีอุปสรรคมหาศาล เรื่องข้างนอกก็เรื่องหนึ่งนะ แต่เรื่องของเรา เวลาเราอยู่กับสังคม สังคมนี้วุ่นวายนัก สังคมนี้วุ่นวายนัก เราจะหลีกเร้นอยู่คนเดียว ไปหลีกเร้นอยู่คนเดียว ไปนั่งร้องไห้อยู่นั่นน่ะ มันคิดมันแต่งมันอยู่ในหัวใจนั้นน่ะ มันคิดมันปรุงอยู่อย่างนั้น

แต่ถ้าเราหลีกเร้น หลีกเร้นไปเพราะอะไร มนุษย์เป็นสัตว์สังคม สังคมเขาอยู่ด้วยการบังคับใช้กฎหมาย ด้วยความสามัคคีกัน เราเห็นว่าสังคมมันวุ่นวาย เราหลีกเร้นของเราออกไป เราหนีสังคมนี้ออกไป หนีสังคมออกไปเพื่ออะไร ก็เพื่อไปหาหัวใจของเราไง

เห็นไหม เราหลีกเร้นไปเพื่อหาหัวใจของเรา เวลาไปอยู่คนเดียวมันคิดทั้งนั้นน่ะ น้อยเนื้อต่ำใจไปหมด จะทำอะไรก็ไม่มีใครเห็นความดีของเราทั้งนั้นเลย อยากให้คนเห็นความดีของเรา ทำสิ่งใดก็เป็นความดีๆ มันคิดไปคนเดียวของมันนั่นแหละ แต่ถ้ามีสติปัญญานะ นี่สมบัติบ้า สมบัติบ้า คิดอยู่คนเดียวนี่สมบัติบ้า มันยังมาไม่ถึง

ถ้าสมบัติมันเป็นปัจจุบัน ปัจจุบันเราคิดสิ่งใด เราคิดงานอย่างใด เราทำสิ่งใดให้มันเป็นปัจจุบันนั้น ไม่ให้คิดไปคว้าเอาสมบัติบ้ามาเป็นสมบัติของเรา สมบัติบ้านะ คิดจนเป็นบ้า ถ้าสมบัติของเราล่ะ สมบัติของเราถ้ามีสติปัญญาขึ้นมานะ มันสลดสังเวชไง อยู่ในครรภ์ของมารดา ๙ เดือน ใครไปคุยกับใคร ถ้าคุยก็คุยกับแม่โดยสายเลือด ๙ เดือน คุยกับใคร ทำไมมันอยู่ได้ล่ะ เวลาออกมาแล้วต้องอาศัยพ่อแม่ อาศัยพี่เลี้ยงเลี้ยงมาจนเติบโตมา เติบโตมา ดูสิ สำคัญตนว่าเป็นคนผู้ยิ่งใหญ่ๆ

ถ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมเอาใจของตัวเองไม่ได้ล่ะ ถ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมบังคับเราไม่ได้ล่ะ ให้เรามีความสุข ให้จิตเราสงบมันระงับ ให้เรามีสติปัญญาขึ้นมา ถ้าเราผู้ยิ่งใหญ่ ถ้ายิ่งใหญ่มันต้องสั่งได้สิ สั่งเลย สั่งให้ไม่มีความทุกข์ สั่งให้ชีวิตนี้มีแต่ความสุข สั่งมัน

สั่งไม่ได้ มันสั่งไม่ได้ สั่งไม่ได้เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากไง ถ้ากิเลสตัณหาความทะยานอยาก อยากทั้งนั้นน่ะ อยากจะมีความสุข อยากจะมีความสุข แต่ไม่รู้จักความสุขว่าคืออะไร อยากจะมีความสุข ค้นคว้าพยายามขวนขวายมา แล้วได้มาก็ไม่ใช่ความสุขจริงเสียที ได้มากกว่านี้ ได้ดีกว่านี้ มันจะมีความสุข ก็ขวนขวายกันไป ได้มีความสุข เห็นไหม

ถ้าถึงเมืองพอ สิ่งหน้าที่การงานก็ต้องทำหน้าที่การงานของเราไป ทางโลกนะ ทางโลก ถ้าเราไม่คิดสิ่งใด เราไม่ทำสิ่งใด เราคิดอยู่กับที่ เราไม่ทันเขาแล้ว แต่เราก็ต้องมีสติปัญญาของเรา เวลาทำหน้าที่การงานมันก็เป็นงานของเรา ทำงานเสร็จแล้ว เวลาเขาสอนนะ งานเอาไว้ที่ทำงานอย่าเอากลับมาบ้าน เวลางานเอาไว้ที่ทำงานใช่ไหม ทำงานเสร็จแล้วก็จบ เวลากลับมาบ้านนะ กลับมาบ้านก็ครอบครัวของเราใช่ไหม ครอบครัวของเรานะ เรามีแต่ความอบอุ่นต่อกันใช่ไหม เรามีความเข้าใจกันใช่ไหม เราคุยกันรู้เรื่องใช่ไหม บ้านเราอบอุ่นใช่ไหม เราก็อยากกลับบ้านของเรา ถ้ามันกลับบ้านของเรานะ บ้านของเรามีความอบอุ่น มีความสุข นี่คือบุญ บุญคือในครอบครัวนั้นมีความสามัคคีกัน บุญในครอบครัวนั้น พูดกันเข้าใจกัน นี่คือบุญ บุญ ถ้ามีความขัดแย้งกันๆ ไม่มีความเข้าใจกัน นั่นน่ะอกุศลทั้งนั้นน่ะ มันบีบบี้สีไฟไง มันมีแต่ความเจ็บซ้ำน้ำใจทั้งนั้นน่ะ ถ้าเจ็บซ้ำน้ำใจอย่างนั้น นั่นเพราะอะไรล่ะ

นี่ไง กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน สิ่งที่เกิดมาๆ เขาได้สร้างเวรสร้างกรรมของเขามาทั้งนั้น เราก็ได้สร้างเวรสร้างกรรมของเรามา เราถึงได้มาเกิดอยู่นี่ จิตนี้ไม่เคยตาย จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะโดยธรรมชาติของมัน แต่จิตนี้ได้สร้างบุญกุศลของมันขึ้นมา มันเกิดมามันก็มีบุญอำนาจวาสนา จิตนี้ได้สร้างบาปอกุศลสิ่งใดมา มันก็ได้เกิดเป็นมนุษย์ อริยทรัพย์ มนุษย์สมบัติ มนุษย์สมบัติขึ้นมาแล้ว แต่จิตใจมันก็บกพร่อง จิตใจคนที่บกพร่อง จิตใจที่บกพร่อง จิตใจพยายามจะหามาเติมเต็มของมัน แล้วความน้อยเนื้อต่ำใจมันก็บกพร่องในใจอันนั้น

ถ้าบุญนะ ถ้ามันอิ่มเต็มในหัวใจของมัน ถ้าคนที่มีบุญมีวาสนา เขาคิดดีๆ นะ เขาเห็นคนพาล เขา เอ้อ! ทำไมมันคิดได้อย่างนั้น เขาแปลกใจนะ เอ๊ะ! ทำไมมันคิดได้อย่างนั้น นั่นน่ะจิตใจเขาบกพร่อง มันคิดมาจากใจ ใจมันบกพร่องของมันด้วยเวรด้วยกรรมไง เวรกรรมขึ้นมา เวลาทางจิตวิทยาเขาก็บอก เวลาเรามีลูก ๓ ปีแรกเราเลี้ยงให้มีความอบอุ่น จะให้มันดี มันก็เป็นการแก้ทางหนึ่งนั่นแหละ มันก็แก้ทางจิตวิทยา แก้ทางจิตนั่นแหละ แต่มันไม่ใช่ธรรม

ธรรม สัจธรรมๆ ฝึกฝนขึ้นมา จะบวชเณรได้ เด็กที่มันไล่กาได้ มันใช้ประโยชน์ได้ บวชเณรได้ ผู้ที่จะบวชพระต้อง ๒๐ ปีขึ้น บรรลุนิติภาวะ พอบวชขึ้นมาแล้วต้องมีสติปัญญา ค้นคว้าหาสัจธรรมในใจของตน เรามาค้นคว้าหาสมบัติของเรานะ สมบัติแท้ๆ ไม่ใช่สมบัติบ้า

สมบัติบ้าเป็นสมบัติเพ้อเจ้อ สมบัติที่ศึกษามาแล้วไม่เป็นความจริงขึ้นมา ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศึกษามา ธรรมะเป็นธรรมชาติ ธรรมะเป็นของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารื้อค้นขึ้นมา ศึกษา ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงจำธรรมวินัย ฟังสิ ทรงจำธรรมวินัย ทรงจำไว้ ทรงจำไว้ นี่ไง ในวัฒนธรรม วัฒนธรรมของชาวพุทธ ใครที่มีลูกมีหลานเอามาบวช พ่อแม่ได้ ๑๖ กัป ๑๖ กัปเพราะอะไร นี่มันทรงจำธรรมวินัย ค้ำยันศาสนาไว้ ค้ำยันศาสนาไว้ก็เหมือนมดแดงเฝ้าพวงมะม่วง ของกูๆ เจ้าของสวนเขาสอยไปขายหมดล่ะ

นี่ก็เหมือนกัน เราทรงจำธรรมวินัย เรามาศึกษาๆ มันเป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วใครค้นคว้า ใครประพฤติปฏิบัติขึ้นมาได้สัจจะความจริงขึ้นมา ได้ศีล ได้สมาธิ ได้ปัญญา ได้มรรคได้ผลขึ้นมาในใจอันนั้น ถ้าได้มรรคได้ผลในใจอันนั้น นี่ธรรมทายาท เป็นทายาทโดยธรรม โดยธรรมๆ ธรรมในหัวใจอันนั้นไง ถ้าหัวใจอันนั้น ธรรม สิ่งนี้ธรรมะเป็นของใคร ธรรมะก็เป็นของใจดวงนั้นไง ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมะจะประจักษ์กับหัวใจดวงนั้น ถ้าธรรมะประจักษ์กับหัวใจดวงนั้น มันก็เป็นธรรมะส่วนบุคคล

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานนะ พระอานนท์คร่ำครวญมาก คร่ำครวญระลึกถึงมาก อยากให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่คุ้มครองดูแล อยู่เพื่อชี้นำต่อไป “อานนท์ เรานิพพาน เราก็เอาของเราไปคนเดียวนะ เราเอาแต่สมบัติของเราไป” คือสมบัติในใจองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ธรรมก็เป็นธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เวลาพระสารีบุตร พระโมคคัลลนะไปลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน “สมควรแก่เวลาของเธอเถิด” ของเธอก็ของพระสารีบุตร ของพระโมคคัลลนะ มันเป็นส่วนบุคคลไหม มันเป็นสัจธรรมไหม

ศูนย์กลางของจักรวาล แกนของโลก ศูนย์กลางของจักรวาลก็คือภวาสวะ คือภพ ฐีติจิต นี่ศูนย์กลางของจักรวาลก็คือโลกทัศน์ โลกคือหมู่สัตว์ หมู่สัตว์ก็คือจิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏะ แล้วมันย้อนกลับเข้าไปในใจนั้น มันย้อนเข้าไปในศูนย์กลางของมัน แล้วมันทำลายศูนย์กลางของมัน ทำลายศูนย์กลางของมัน แล้วมันจะมีเหลืออะไรล่ะ ถ้ามันทำลายศูนย์กลางของมันหมดแล้วมันจะมีอะไรหมุนไปอีกล่ะ

แต่ถ้ามันหมุนไปๆ ทรงจำธรรมวินัยก็ทรงจำธรรมวินัยไว้เท่านั้นน่ะ แต่ถ้าประพฤติปฏิบัติขึ้นตามความจริง ถ้าเราประพฤติปฏิบัติขึ้นตามความจริง ทางโลก ทางโลก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้แล้ว มนุษย์เป็นสัตว์สังคม มาบวชเป็นพระก็เป็นสังฆะ เป็นสงฆ์ก็มีธรรมวินัย ถ้าธรรมวินัยนะ แม้แต่ไปบวชพระขึ้นมา เรามีสติปัญญาบวชพระ พระเป็นผู้ประเสริฐ ที่มาค้ำจุนศาสนา ค้ำโพธิ์ๆ ค้ำโพธิ์ก็มาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงจำธรรมวินัยกันมา เพราะสมัยนั้นมันยังไม่มีอักษร ยังไม่มีการจดจารึก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ๒๐๐ ปี ถึงมีทำสังคายนา ถึงได้จดจารึกเป็นครั้งแรก

แล้วพอจดจารึกเป็นครั้งแรก สมัยนั้นท่องบ่นจำกันมาด้วยมุขปาฐะ เวลาเรียนต้องเรียนด้วยปากนะ เวลาจำพรรษา ถ้าพระในสังฆะนั้นถ้าสวดปาฏิโมกข์ไม่ได้ ให้ไปเรียนได้ เพราะมันไม่มีตำราให้ค้นคว้า มันต้องไปเรียนจากปาก ต้องไปท่องจำมาจากพระที่รู้ ไปต่อมาเป็นชั้นเป็นตอนมาจนมาสวกปาฏิโมกข์ได้ ถ้าสวดปาฏิโมกข์ได้ สังฆะ ถ้าสงฆ์ ๔ องค์ขึ้นไป ถ้าถึงเวลาเข้าอุโบสถไม่มีใครสวดได้ ปรับอาบัติ ปรับอาบัติทันทีเลย สิ่งต่างๆ ศึกษากันมาอย่างนั้น ทรงจำธรรมวินัยกันมา แต่ทำจริงได้หรือเปล่าล่ะ ถ้าทำจริงขึ้นมาได้ ถ้าทำจริงไม่ได้ เราหลีกเร้นออกมา

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม สัตว์สังคม สังคมนั้น กฎหมายนั้นบังคับใช้เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขในสังคมนั้น ทุกคนต้องยอมรับกฎหมายนั้น ถ้ายอมรับกฎหมายนั้นด้วยความรับผิดชอบนะ แต่ถ้าเป็นความจริงๆ ขึ้นมา เราจะเอาความจริงของเราขึ้นมา เพราะกฎหมายบังคับให้คนเป็นคนดีไม่ได้ กฎหมายบังคับให้คนรักกันไม่ได้ กฎหมายบังคับให้หัวใจมันคิดไม่ได้ แต่สติได้ สมาธิ จิตหยุดคิด เพราะจิตหยุดคิดมันถึงเป็นสัมมาสมาธิ จิตหยุดคิด ความคิดเกิดดับ แต่จิตไม่เกิดดับ จิตคือจิต ความรู้อยู่อย่างนั้น แต่ถ้าความคิดเกิดดับ แล้วถ้ามันหยุดขึ้นมานี่สัมมาสมาธิ แล้วมันเกิดวิปัสสนา เกิดปัญญาขึ้นไป มันถึงยิ่งมหัศจรรย์ไง

คนที่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมาแล้วพอเห็นมรรคมันเคลื่อน ถ้าปฏิบัติมันจะเป็นชิ้นเป็นอันน่ะ มันเป็นชิ้นเป็นอัน มันมีมรรคมีผล มันมีสัจจะมีความจริง มันจับต้องได้ มันถึงไม่เหลวไหล

ไอ้ที่มันเหลวไหลๆ อยู่นี่มันคว้าน้ำเหลว มันไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ท่องจำกันมา นกแก้วนกขุนทองไง ของกูๆ อยู่นั่นน่ะ เจ้าของสวนมันสอยไปขายหมดล่ะ ของเอ็งไม่ได้อะไรหรอก ได้แต่จินตนาการของเอ็งไป แต่ถ้าเจ้าของสวนเขาสอยมะม่วงนั้นเป็นสมบัติของเขา เขาสอยเอาไปเป็นประโยชน์กับเขา

นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดมาแล้วนะ หัวใจของเรานะ หัวใจของเรา เราพยายามศึกษา ศึกษาขึ้นมาแล้วให้มีสติปัญญา พยายามเพิ่มพูนบารมีของเรา มาฟังธรรมๆ เพิ่มพูนบารมีของเรานะ เพิ่มพูนให้จิตใจมันผ่องแผ้ว ให้จิตใจมันเข้าใจ ให้จิตใจ เราไม่เป็นเหยื่อนะ ไม่เป็นเหยื่อของใคร ดูเวลาครูบาอาจารย์ท่านพูดถึงสายบุญสายกรรมไง มันก็น่าเห็นใจอยู่ คำว่า “สายบุญสายกรรม” เห็นแล้วมันถูกใจ เห็นแล้วถูกใจเลย ถ้าไม่สายบุญสายกรรมนะ ถึงจะดีขนาดไหน เห็นแล้วมันก็ขัดแย้ง ไม่ใช่ของเรา ไม่เหมือน ไม่จริง ไม่ใช่ แต่ถ้ามันสายบุญสายกรรมนะ มันจะเลวขนาดไหนก็ เออ! ดี คนเยอะ ดีมากๆ มันถูกใจ มันสายบุญสายกรรมไง

แต่ถ้ามันจะเป็นสายบุญสายกรรมขนาดไหน ถ้าเรามีสติมีปัญญาของเรา มันเปลี่ยนแปลงได้ พระอานนท์แต่เดิมท่านเป็นผู้หญิงนะ ท่านตั้งใจเปลี่ยนแปลงให้ท่านเป็นผู้ชาย ๕๐๐ ชาติ พระอานนท์ เดิมท่านเป็นผู้หญิง แล้วท่านปรารถนาเป็นผู้ชาย แล้วก็เปลี่ยนแปลงมา เปลี่ยนแปลงมา ทำไมท่านถึงเปลี่ยนแปลงได้ ผู้หญิงเปลี่ยนแปลงเป็นผู้ชายได้ ผู้ชายเปลี่ยนแปลงเป็นผู้หญิงได้ แล้วทำไมเราจะเปลี่ยนแปลงหัวใจเราไม่ได้ ไอ้สายบุญสายกรรม ทำไมเราจะเปลี่ยนแปลงเราไม่ได้ แล้วถ้าเราฝืนมัน เราขืนมัน เรามีสติมีปัญญา ด้วยปัญญา ปัญญามันพิจารณาไง อันนั้นมันไม่ใช่ มันไม่ดี แล้วเราจะไปทำไมล่ะ ถ้ามันไม่ดีๆ เราก็ทิ้งมันสิ มันไม่ดีด้วยอะไร มันไม่ดีด้วยข้อเท็จจริง วิเคราะห์อยู่นี่ไง ด้วยปัญญาไง ไม่ใช่ไม่ดีด้วยอารมณ์ไง ไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกเรามันว่าไม่ดี มันไม่ดีเพราะเนื้อหาสาระ มันไม่ดีเพราะมันเป็นความจริง มันไม่ดีจริงๆ นี่สอนมัน สอนใจ ไม่อย่างนั้นมันชอบ เห็นแล้วมันชอบ มันจะไป ถ้ามันมีสติปัญญา

แล้วสิ่งที่มันขัดแย้ง มันไม่ชอบ นั่นแหละคือธรรม เพราะอะไร เพราะกิเลสมันไม่ชอบ กิเลสมันชอบสะดวกสบาย กิเลสมันชอบขี่หัวคน กิเลสมันชอบเหยียบย่ำ นั่นน่ะกิเลส พอมีศีลมันบังคับไง พอมีศีล มันไม่มีใครเหนือใคร ศีล ๕ มีศีล ๕ เหมือนกัน บวชมาเป็นพระนะ จะสูงต่ำขนาดไหน เศรษฐีกุฎุมพีขนาดไหน บวชแล้วเป็นพระ ๒๒๗ เหมือนกัน มีศีล ๒๒๗ เท่ากัน นี่ไง มันไม่มีใครสูงใครต่ำกว่ากัน เราเสมอกันโดยศีล ไม่เสมอกันโดยศีล เราลงอุโบสถได้อย่างไร เราทำสังฆกรรมได้อย่างไร การทำสังฆกรรมนั้นคือสามีจิกรรมที่ผู้เสมอกันถึงทำได้ ถ้าผู้ไม่เสมอกัน ทำไม่ได้

เวลาจะมีกฐิน เวลาจะมีสังฆกรรม โยมต้องออกไป ห่างออกไปๆ เพราะมันไม่เสมอกัน นี่ไง ถ้าอย่างนั้นกิเลสมันไม่ชอบ ต้องใหญ่กว่าเขา ต้องยอดกว่าเขา ต้องเยี่ยมกว่าเขา แล้วเยี่ยมที่ไหนล่ะ เยี่ยมเพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากไง

แต่ถ้ามันยอดนะ มันยอดด้วยธรรม ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม จิตใจเราจะมีคุณธรรมนะ ถ้าจิตใจเรามีคุณธรรมนะ โลกธาตุจะหวั่นไหวขนาดไหน มันเป็นเรื่องสัจจะเป็นเรื่องข้อเท็จจริงอย่างนั้น รักษาหัวใจเราไว้ รักษาหัวใจดวงนี้ไว้ รักษาความรู้สึกนี้ไว้ แล้วใช้สติปัญญาคิดแยกแยะ แล้วหาที่พึ่งที่อาศัยของเรา

โลกนี้จะมีสงครามจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น ผู้มีศีลมีธรรมนั้นจะเอาตัวรอดได้ ผู้มีศีลมีธรรมนั้นน่ะ แล้วผู้ที่มีธรรมในหัวใจ จะอยู่ที่ไหน อยู่ที่ไหนเขาก็มีคุณธรรมในหัวใจของเขา รักษาคุณธรรมในใจอันนั้น จะเป็นประโยชน์เพื่อใจดวงนั้น เอวัง